50 ที่เที่ยวธรรมชาติสวย “ภาคอีสาน” ต้องไปสักครั้ง

ทริปนี้เราจะพาทุกท่าน ไปตะลุยที่เที่ยวธรรมชาติสวยๆ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือภาคอีสานที่ทุกคนรู้จัก ใครจะไปคิด ว่าอีสานจะมีที่เที่ยวธรรมชาติสวยๆ มากมายขนาดนั้น

คอนเทนต์นี้ เราคัดเฉพาะสถานที่เด็ดๆ มาฝากถึง 50 สถานที่ จาก 20 จังหวัดในอีสาน ไล่ตั้งแต่เมืองต้นทางอย่างนครราชสีมา ไปจนสุดถึงชายแดนแม่น้ำโขงเลยทีเดียว

บอกเลยว่าเรารวบรวมมาให้ครบ ทั้งอุทยานแห่งชาติ น้ำตก ป่าไม้ ภูเขาสูง ทะเลหมอกสีขาวนวลชวนฝัน เรารวมมาให้ครบ !

1.อุทยานแห่งชาติภูกระดึง

ความคลาสสิคของกิจกรรมเดินป่าเมืองไทย ภูกระดึงเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 2 จัดตั้งขึ้นตั้งแต่ปี พ.. 2505 นับจากนั้นมีนักท่องเที่ยวมากมายในแต่ละปีที่จะมาวัดพลังกายพลังใจพิชิตภูกระดึง

เส้นทางเดินเท้าขึ้นภูกระดึงมีระยะทางประมาณ 5.5 กิโลเมตร จากนั้นต้องเดินอีก 3.5 กิโลเมตร เพื่อไปศูนย์บริการนักท่องเที่ยวและจุดพักแรม มีให้บริการทั้งบ้านพัก ลานกางเต็นท์ ร้านค้า ร้านอาหาร

นอกจากการเดินขึ้นสู่ยอดภู บนภูยังมีสถานที่เที่ยวทางธรรมชาติมากมาย ทั้งการชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอก เส้นทางศึกษาธรรมชาติเลียบหน้าผา แลนด์มาร์คคือผาหล่มสัก และมีเส้นทางเที่ยวหลายแห่ง หากต้องการเดินเที่ยวทุกจุดจะมีระยะทางรวมกันกว่า 25 กิโลเมตร

เพราะธรรมชาติสวยงามหลากหลาย ทำให้ภูกระดึงมีนักท่องเที่ยวมาเยือนไม่ขาดสาย มีเสน่ห์แตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลา ตุลาคมเปิดภูปลายฝนเที่ยวชมน้ำตก หน้าหนาวสัมผัสอากาศหนาว ชมใบเมเปิ้ลสีแดง หน้าร้อนสัมผัสความเงียบสงบ จนกระทั่งต้อนรับฤดูฝนอีกครั้งในเดือนพฤษภาคม

นักท่องเที่ยวที่จะมาเยี่ยมชมภูกระดึงควรเตรียมร่างกายให้พร้อม และปฏิบัติตามกฎของอุทยานฯ อย่างเคร่งครัดเพื่อความปลอดภัย และรักษาธรรมชาติไม่ให้ถูกทำลาย

ที่ตั้ง : .ภูกระดึง จ.เลย

2.วนอุทยานโกสัมพี

บนพื้นที่ใจกลางตัวอำเภอโกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม มีป่าขนาดเล็กริมแม่น้ำชีวางตัวอยู่ วนอุทยานโกสัมพี เดิมเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์ แต่เมื่อขาดผู้ดูแลจึงมีการนำเสนอให้กรมป่าไม้ ซึ่งดูแลส่วนอุทยานแห่งชาติในเวลาดังกล่าว เข้ามารับผิดชอบ และจัดตั้งขึ้นเป็นวนอุทยาน เมื่อปี พ.. 2519

จุดเด่นของวนอุทยานโกสัมพีคือเป็นแหล่งอาศัยของลิงแสมจำนวนมากกว่า 500 ตัว แบ่งเป็นสองฝูงใหญ่ นักท่องเที่ยวและชาวบ้านนิยมเข้าไปให้อาหารอย่างสนุกสนานเพราะลิงที่นี่ไม่ดุร้าย เราสามารถขับรถจากปากทางเข้าไปจนสุดทางออกหรือวนกลับมาตามถนนภายในวนอุทยานได้โดยไม่จำเป็นต้องลงจากรถก็ได้

นอกจากนี้ริมแม่น้ำชียังมีจุดชมวิวสวยๆ เช่น แก่งตาด รวมทั้งเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ถือเป็นพื้นที่สีเขียวในแหล่งชุมชนที่เหมาะกับการมาพักผ่อนหย่อนใจ

ที่ตั้ง : .หัวขวาง อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม

3.อุทยานแห่งชาติภูเรือ

อุทยานแห่งชาติภูเรือ ใครที่อยากสัมผัสอากาศหนาวสุดแดนสยามจนถึงขั้นเห็นแม่คะนิ้ง ต้องมาที่นี่ จุดชมวิวที่รู้จักกันดีคือ ผาโหล่นน้อย ซึ่งเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงาม

และหากเดินขึ้นเขาไปอีกประมาณ 700 เมตร จะพบกับ ยอดภูเรือ ซึ่งสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 1,365 เมตร เป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทั้งแม่น้ำเหืองและแม่น้ำโขง ซึ่งกั้นระหว่างพรมแดนไทยลาว

นอกจากจะได้ชมแสงสาดกระทบยอดเขาอย่างงดงามแล้ว บนนี้ยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปนาวาบรรพต มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติชมดอกไม้ป่าช่วงหน้าหนาว และบริการลานกางเต๊นท์อีกด้วย

ที่ตั้ง : .หนองบัว อ.ภูเรือ จ.เลย

4.ภูป่าเปาะ

ภูป่าเปาะ เป็นจุดชมวิวที่สามารถมาได้ทั้งวัน โดยไฮไลท์อยู่ที่วิวภูหอหรือเรียกเก๋ๆ ว่าฟูจิเมืองเลยซึ่งถือเป็นวิวที่ใครต่างก็ตั้งใจนั่งรถอีแต๊กชาวบ้านขึ้นมาชมกัน

ลักษณะเป็นภูเขายอดตัดราบ มองไกลๆ คล้ายชามคว่ำดูแปลกตา จนมีคนเชื่อมโยงว่าเหมือนภูเขาไฟฟูจิที่ญี่ปุ่นเพียงแต่ไม่มีหิมะปกคลุมเท่านั้นเอง บนยอดภูป่าเปาะมีจุดชมวิวเตรียมไว้ให้ถึง 4 จุด โดยจุดชมวิวที่อยู่สูงสุดจะสามารถมองเห็นวิวได้รอบตัว 360 องศา เรียกว่าจะมารอพระอาทิตย์ขึ้นพร้อมสายหมอก หรือจะมาชมพระอาทิตย์ตกสุดโรแมนติกก็ได้ ทิวทัศน์ที่เห็นก็สวยงามแตกต่างไปในแต่ละฤดูกาล สามารถมาเที่ยวได้ทั้งปี

ที่ตั้ง : .ปวนพุ อ.หนองหิน จ.เลย

5.ภูลมโล

ภูลมโล ใครที่ชมวิวดอกนางพญาเสือโคร่งทางเหนือจนเบื่อแล้ว ขอให้มาเปลี่ยนบรรยากาศชมซากุระเมืองไทยทางฝั่งอีสานดูบ้าง โดยเฉพาะที่ภูลมโล ในเขตอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ฝั่งจ.เลย ซึ่งมีลักษณะเป็นเนินเขาติดกันหลายลูก และมีต้นนางพญาเสือโคร่งขึ้นตามธรรมชาติอยู่ทั่วไป

เมื่อถึงช่วงเดือนธันวาคมกุมภาพันธ์ของทุกปี เนินเขาจะเปลี่ยนเป็นสีชมพูอย่างอลังการจากดอกไม้ที่เบ่งบานพร้อมกัน เรียกว่ามองจากมุมสูงก็จะได้วิวขุนเขาแซมด้วยสีชมพูเต็มไปหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแสงยามเช้าตรู่ หรือจะลงไปเดินหามุมเซลฟี่ใต้ต้นซากุระเอง ก็มีมากมายจนไม่ต้องแย่งวิวกับใครแน่นอน

ที่ตั้ง : .กกสะทอน อ.ด่านซ้าย จ.เลย

6.แก่งคุ้ดคู้

แก่งคุ้ดคู้ มาเที่ยวถึงเชียงคานทั้งที ห้ามพลาดออกมาแวะชมความงามของเกาะแก่งกลางแม่น้ำโขงที่แก่งคุดคู้ ซึ่งห่างจากตัวเมืองเชียงคานเพียง 3 กิโลเมตร

บริเวณนี้เป็นเหมือนจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นโขดหินเล็กใหญ่กระจายเกือบจรด 2 ฝั่งโขง มีทางเดินลงไปได้ถึงริมฝั่งซึ่งมีลักษณะเป็นหาดทรายและหาดหินก้อนกลมมนนับพันๆ ก้อน หรืออยากจะจ้างเรือล่องชมวิวแบบใกล้ชิดเลยก็มีให้บริการ

นอกจากนี้บนฝั่งยังมีทั้งศาลาชมวิว ร้านอาหาร ร้านของฝาก โดยเฉพาะมะพร้าวแก้ว ของดีประจำเชียงคาน ทำกันสดๆ ให้ชิม รสชาตินุ่มละมุนลิ้น ห้ามพลาดซื้อเป็นของฝาก

ที่ตั้ง : .เชียงคาน จ.เลย

7.อุทยานแห่งชาติผาแต้ม

น้อยคนที่จะไม่เคยได้ยินชื่อผาแต้ม อุทยานแห่งชาติผาแต้ม อุบลราชธานี เพราะที่นี่เป็นหนึ่งในจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นซึ่งได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศ ด้วยการตั้งอยู่เกือบทางปลายสุดของทิศตะวันออก จึงเป็นสถานที่แรกๆ ที่เห็นพระอาทิตย์ขึ้น จนเกิดเป็นกิจกรรมชมพระอาทิตย์ขึ้นก่อนใครในสยามช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่

การเที่ยวชมผาแต้มแบ่งเป็นสองส่วนใหญ่ๆ ส่วนแรกคือการชมวิวแม่น้ำโขง ชมพระอาทิตย์ขึ้น จากแนวหน้าผาความกว้างยาวต่อเนื่องหลายร้อยเมตร อีกส่วนคือการเดินชมภาพเขียนสีโบราณยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่อยู่ด้านล่างของหน้าผา ในช่วงฤดูท่องเที่ยวจะมีไกด์เยาวชนคอยนำเที่ยวให้ความรู้ด้วย

ภายในอุทยานฯ มีบ้านพัก ลานกางเต็นท์ ให้บริการสำหรับผู้ต้องการพักแรม มีสิ่งอำนวยความสะดวกตามสมควร สามารถเที่ยวชมและค้างแรมได้ตลอดทั้งปี

ที่ตั้ง : .ห้วยไผ่ อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี

8.น้ำตกแสงจันทร์

น้ำตกแสงจันทร์ น้ำตกชื่อดังของอุบล อีกชื่อที่คนมักติดปากเรียกที่นี่คือน้ำตกลงรู บอกถึงความพิเศษอยู่แล้วคือเป็นน้ำตกที่ไหลลงมาจากรูนั่นไง รูที่ว่าเกิดจากการที่หน้าผาน้ำตกหินทรายโดนน้ำกัดเซาะจนกลายเป็นรูทะลุ กลายเป็นความพิเศษไม่มีน้ำตกใดเหมือน

มาตอนน้ำกำลังดีจะไหลลงรูสวยๆ พลิ้วๆ หากมาตอนน้ำเยอะเกินนอกจากจะไหลลงรูแล้วยังทะลักไหลลงทางหน้าผาด้วย มาเที่ยวกันทั้งที ก็อย่าลืมแวะเที่ยวน้ำตกอีกแห่งไม่ไกลกัน คือน้ำตกทุ่งนาเมือง มีเถาวัลย์ยักษ์อายุกว่า 400 ปี ตรงทางลงน้ำตกด้วยนะ

ทั้งสองแห่งอยู่ชายขอบอุทยานแห่งชาติผาแต้ม สะดวกเข้าถึงด้วยรถทุกประเภท ที่สำคัญยังเที่ยวง่ายเพราะเดินจากลานจอดรถแค่ไม่กี่สิบเมตรก็ถึงน้ำตกแล้ว เดินลงไปนิดเดียว เที่ยวได้ทุกวัย

ที่ตั้ง : อช.ผาแต้ม ที่บ้านทุ่งนาเมือง ต.นาโพธิ์กลาง อ.โขงเจียม

9.สามพันโบก

หนึ่งในมหัศจรรย์แห่งธรรมชาติ แก่งหินกว้างหลายตารางกิโลเมตรซึ่งโดนกระแสน้ำกัดกร่อนจนกลายเป็นแอ่ง หลุม (ภาษาอีสานเรียกว่าโบก) ให้สวยงามแปลกตา จะอวดโฉมให้เห็นยามแม่น้ำโขงลดระดับต่ำในช่วงหน้าแล้ง หลังจากจมอยู่ใต้ลำน้ำขุ่นแดงตลอดช่วงหลายเดือนของฤดูฝน

พื้นที่ของสามพันโบกกว้างหลายตารางกิโลเมตร นักท่องเที่ยวสามารถเดินลัดเลาะปีนป่ายไปตามโขดหินรูปร่างประหลาดต่างๆ ไฮไลท์อยู่บริเวณที่เรียกว่าหินหัวสุนัข เพราะมีลักษณะเป็นผาหินสูงชัน จนได้รับสมญาว่าแกรนด์แคนยอนเมืองไทย

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมนั่งเรือชมความงามสองข้างทางตลอดแนวแม่น้ำโขง ชมประติมากรรมธรรมชาติหลากหลาย หรือเที่ยวหาดทรายที่โผล่พ้นน้ำเช่น หาดหงส์ หาดสลึง เป็นต้น มาที่นี่ที่เดียวจะได้สัมผัสความแปลกตาของธรรมชาติมากมายเชียวล่ะ

ที่ตั้ง : ริมแม่น้ำโขง ต.เหล่างาม และ ต.สองคอน อ.โพธิ์ไทร จ.อุบลราชธานี

10.ผาชะนะได

ไม่น่าจะมีคนไทยคนไหนไม่เคยได้ยินชื่อผาชะนะได ถึงแม้จะไม่รู้ว่ามันอยู่แห่งหนใดแน่ชัดก็เถอะ เพราะที่นี่ใช้เป็นจุดกำหนดพระอาทิตย์ขึ้นที่แรกของประเทศ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง เขตอุทยานแห่งชาติผาแต้ม อำเภอโขงเจียม อุบลราชธานี การได้มาชมพระอาทิตย์ขึ้นที่นี่จึงถือเป็นความพิเศษมาก

ผาชะนะไดเป็นส่วนหนึ่งของป่าดงนาทาม การเข้าไปชมวิวริมโขงสวยๆ ต้องผ่านถนนลูกรังกว่า 15 กิโลเมตร ไม่อนุญาตให้รถยนต์ทั่วไปเข้า เพราะเข้าไปก็ไปไม่ถึงเนื่องจากเส้นทางยากลำบาก ต้องใช้รถกระบะหรือมอเตอร์ไซค์เท่านั้น นักท่องเที่ยวสามารถติดต่อบริการรถชาวบ้านที่ตำบลนาโพธิ์กลางได้

ด้านบนมีหน่วยพิทักษ์ฯ ของอุทยานฯ ผาแต้ม สามารถกางเต็นท์ค้างแรม จากหน่วยฯ เดินไปหน้าผาระยะทางประมาณ 400 เมตร นอกจากนี้พื้นที่ป่าดงนาทามยังมีจุดเที่ยวชมความหลากหลายของธรรมชาติมากมาย โดยเฉพาะเสาเฉลียงคู่ ที่ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของอุทยาน

ที่ตั้ง : ภายในป่าดงนาทาม อช.ผาแต้ม ต.นาโพธิ์กลาง อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี

11.ผาวัดใจ

ดีกรีความเสียวเมื่อนั่งอยู่บนปลายหินแหลมที่ยื่นออกไปสู่ลำน้ำโขงจะมากหรือน้อยคงขึ้นอยู่กับระดับน้ำ หากอยากเสียวมากๆ แนะนำให้มาวัดใจกันได้ในหน้าร้อน เพราะแม่น้ำโขงที่ต่ำลงเยอะจะทำให้หน้าผาสูงลิบนับสิบเมตรเลยเชียวล่ะ

ผาวัดใจเป็นชื่อเรียกของชะง่อนหินแหลมก้อนหนึ่งที่ยื่นออกไปในแม่น้ำโขง อยู่บริเวณแนวหน้าผาริมน้ำโขงที่บ้านสองคอน อำเภอโพธิ์ไทร อุบลราชธานี ห่างจากสามพันโบก (ทางน้ำ) ประมาณ 5 กิโลเมตร ซึ่งแน่นอนว่าผาหินเหล่านี้เหมาะที่จะมาเที่ยวเมื่อแม่น้ำลดระดับลงยามเข้าหน้าแล้ง

นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมขึ้นเรือมาผาวัดใจจากหาดสลึง สำหรับการเดินทางทางถนนค่อนข้างลำบากโดยเฉพาะรถยนต์เพราะต้องจอดรถไว้ในหมู่บ้าน แล้วเดินเท้ามาริมน้ำโขงเป็นระยะทางไกลนับกิโล รวมถึงคนไม่รู้จักจุดคงต้องเสียเวลาเดินหาเจ้าหินแหลมๆ อีกนานพอดู

ที่ตั้ง : บ้านสองคอน ต.สองคอน อ.โพธิ์ไทร จ.อุบลราชธานี

12.หาดทรายสูง

แม่น้ำโขงแป็นแม่น้ำอัศจรรย์ มีสิ่งอัศจรรย์มากมายซ่อนอยู่ใต้แม่น้ำซึ่งจะเผยให้เห็นยามหน้าแล้งที่น้ำลดระดับลงนับสิบเมตร และหาดทรายสูง แห่งอำเภอเขมราฐ ก็เป็นหนึ่งในสถานที่ที่เที่ยวได้เมื่อเข้าหน้าแล้งเท่านั้น

ด้วยลักษณะภูมิประเทศเหมาะสม ทุกปีกระแสแม่น้ำโขงจะพัดเอาทรายมารวมกันไว้ที่นี่และพอแม่น้ำลดระดับก็จะได้กระแสลมพัดพาทรายเม็ดเล็กเม็ดน้อยมากองทับถมกันจนกลายเป็นเนินทรายริมแม่น้ำ แลดูคล้ายทะเลทรายขนาดย่อม

เวลาฤดูท่องเที่ยวมาถึง จะมีการทำซุ้มร้านอาหารริมแม่น้ำ มีกิจกรรมเล่นสไลเดอร์บนเนินทราย นอกจากนี้ยังมีบริเวณที่เป็นแก่งหินสวยงามลักษณะคล้ายกับสามพันโบกให้เที่ยวชมถ่ายรูปอีกด้วย

ที่ตั้ง : ริมแม่น้ำโขง บ้านลาดเจริญ ต.นาแวง อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี

13.น้ำตกห้วยหลวง

 

น้ำตกห้วยหลวงหรือน้ำตกบักเตว” อีกหนึ่งสถานที่เที่ยวทางธรรมชาติต้องห้ามพลาด เมื่อไปเยือนอีสานใต้ จังหวัดอุบลราชธานี น้ำตกห้วงหลวง หรืออีกชื่อที่คนท้องถิ่นเรียกกันว่า น้ำตกบักเตว เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารที่สำคัญ มีความสมบูรณ์ของระบบนิเวศ

ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติภูจองนายอย มีเนื้อที่ประมาณ 428,750 ไร่ โดยพื้นที่ส่วนใหญ่จะมีลักษณะเป็นภูเขาโอบล้อมด้วยต้นไม้น้อยใหญ่เขียวขจี ที่ยังคงอุดมสมบูรณ์ ในเทือกเขาพนมดงรัก

สำหรับการเดินทางมาที่น้ำตกแห่งนี้ สามารถขับรถเข้ามาจอดได้ที่บริเวณด้านหน้า ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว น้ำตกห้วยหลวง ซึ่งอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูจองนายอย เพียงแค่ประมาณ 3 กิโลเมตร

ระหว่างทางก่อนที่เราจะลงไปนั้น มีป้ายบอกข้อปฏิบัติในการท่องเที่ยวน้ำตกห้วยหลวงไว้อย่างชัดเจน ป้ายมีลูกศรชี้บอกทางไป จุดชมวิว (View Point) กับ ทางลงน้ำตก (WaterFall)  สำหรับการจะไปสัมผัส หรือลงไปเล่นน้ำตกนั้นจะต้องเดินทางโดยลงบันได 300 ขั้น และแน่นอนว่าเดินลงแล้ว ก็ต้องเดินขึ้นด้วยเช่นกัน

บรรยากาศระหว่างกำลังเดินลงไปยัง น้ำตกห้วยหลวง ได้อารมณ์เหมือนกำลังเดินอยู่กลางป่าดิบชื้น น่าตื่นตาตื่นใจสุดๆ เลยล่ะค่า  เริ่มใกล้ถึงน้ำตกแล้ว บริเวณบันไดจะค่อนข้างเปียก ควรใช้ความระมัดระวังในการลง

น้ำตกห้วยหลวง (น้ำตกบักเตว) มีขนาดใหญ่ และสูงประมาณ 30 เมตร ซึ่งแบ่งเป็น 3 ชั้น บริเวณด้านล่างเป็นแอ่งน้ำขนาดเล็กใสสะอาด สามารถลงเล่นน้ำได้ มีหาดทรายขาวที่ความรู้สึกคล้ายๆ ทะเลอีกด้วย ขอบอก 3 คำ ว่าสวย งาม มาก

ที่ตั้ง : อยู่ในอุทยานอุทยานแห่งชาติภูจองนายอย ต. นาจะหลวย อ. นาจะหลวย จ. อุบลราชธานี

14.แก่งตะนะ

ช่วงหน้าฝนที่นี่อาจเป็นเพียงแม่น้ำสายหนึ่งทั่วไป แต่พอหน้าแล้งหมดฝนน้ำลดระดับ แก่งตะนะ แก่งหินกว้างใหญ่และสวยงามกลางแม่น้ำมูล อำเภอโขงเจียม อุบลราชธานี ก็จะเริ่มเผยโฉม แปรเปลี่ยนเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันน่าอัศจรรย์

แก่งตะนะมีพื้นที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ ไม่ไกลจากเขื่อนปากมูล มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวเพียบพร้อม บ้านพัก ลานกางเต็นท์ ร้านอาหารสวัสดิการ ช่วงหน้าแล้งแก่งพ้นน้ำเราสามารถเที่ยวชมแก่งอย่างเพลิดเพลิน หรือใช้บริการเรือชาวบ้านล่องมาที่นี่ได้ด้วย

สำหรับคนที่การผจญภัย มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติไปชมวิวที่ผาผึ้ง ผ่านป่าเต็งรังบนลานหิน เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่งดงามแห่งหนึ่ง

ที่ตั้ง : .โขงเจียม จ.อุบลราชธานี

15.แก่งสะพือ

อุบลราชธานีเป็นจังหวัดที่มีแก่งหินกลางแม่น้ำมากมาย และหนึ่งในนั้นคือแก่งสะพือ แก่งหินกลางแม่น้ำมูล ที่อำเภอพิบูลมังสาหาร ในทุกปีเมื่อหน้าแล้งมาเยือนประมาณเดือนมกราคม ถึงพฤษภาคม แก่งหินที่เคยจมอยู่ใต้ลำน้าจะเผยโฉมให้เป็น กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ

เพราะมีชื่อเสียงมานาน ทางหน่วยงานท้องถิ่นจึงปรับภูมิทัศน์บริเวณแก่งสะพือให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว สวนสาธารณะร่มรื่น มีร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึกมากมาย นักท่องเที่ยวและคนในพื้นที่แวะเวียนมาชมวิวเล่นน้ำกันไม่ขาด

สำหรับชื่อแก่งสะพือ เพี้ยนมาจากภาษาของชาวส่วย (หรือชาวกวย ชาวกูย) ว่ากะไซพรืด ซึ่งแปลว่างูใหญ่ หรืออีกนัยหมายถึงพญานาคนั่นเอง

ที่ตั้ง : แม่น้ำมูล เทศบาลเมืองพิบูลมังสาหาร อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี

16.หินชมนภา หาดชมดาว

หินชมนภา หาดชมดาว อยู่ในบริเวณหมู่บ้านโนนตาล อำเภอนาตาล อุบลราชธานี อยู่ก่อนถึงสามพันโบกประมาณ  20 .. หาดชมดาวเป็นแนวหาดหิน แก่งหิน อันกว้างใหญ่และยาวมากหลายร้อยเมตร ซึ่งการเกิดของหินรูปพรรณสัณฐานประหลาด เช่นเดียว กับสามพันโบก

ในช่วงฤดูน้ำหลากแก่งหินเหล่านี้จะจมอยู่ใต้แม่น้ำโขงและด้วยแรงน้ำวนกัดเซาะ ทำให้แก่งหินกลายเป็นแอ่งเล็กใหญ่ จำนวนมาก กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นอันซีนอีกแห่งของไทยหาดชมดาวมีจุดไฮไลต์ที่ สวยที่สุด ซึ่งเป็นลักษณะเป็นผาหินสูงใหญ่และเว้าแหว่งยาวคล้ายช่องแคบมีสายน้ำไหลผ่าน และมีก้อนหินเล็กกลางน้ำให้ลงไปถ่ายรูปได้

ณหาดหินรูปทรงประหลาดอันกว้างใหญ่ในฤดูน้ำโขงลดจะมีหินกลางน้ำผุดขึ้นมาให้เราได้เห็นชาวบ้านเชื่อกันว่าให้หาหินนี้ให้เจอเพราะเป็นจุดชมท้องฟ้าที่ส่องแสงและสีสันได้สวยที่สุดทั้งแสงแรกแห่งรุ่งอรุณและทะเลดวงดาวสวยระยิบระยับเต็มท้องฟ้าในยามคืนข้างแรม

ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการเดินทางไปเที่ยว หินชมนภา หาดชมดาว ตั้งแต่ พ.. –..ของทุกปี

ที่ตั้ง : .โพธิ์ไทร จ.อุบลราชธานี

17.จุดชมวิวแม่น้ำสองสี 

โขงสีปูน มูลสีครามยามแม่น้ำทั้งสองสายไหลมาบรรจบกันที่อำเภอโขงเจียม ก่อให้เกิดภาพประหลาดตากลายเป็นแม่น้ำสองสี อันเป็นจุดท่องเที่ยวจุดชมวิวสาคัญของอำเภอ หากใครมาถูกฤดูกาลสามารถแวะมาชมมาเก็บภาพกันได้

แม่น้ำสองสีเช่นนี้เกิดเพราะปกติแม่น้ำโขงในช่วงน้ำเยอะจะมีสีแดงหรือสีปูน ขณะที่แม่น้ำมูลมีเขื่อนปากมูลกั้นขวาง ปล่อยน้ำเป็นเวลา ทำให้น้ำมีความใสมากกว่า ดังนั้นเมื่อถึงที่จุดแม่น้ำมูลไหลบรรจบแม่น้ำโขงจึงเกิดกลายเป็นแม่น้ำสองสีอย่างชัดเจนนั่นเอง

ฤดูกาลที่เห็นความแตกต่างของแม่น้ำสองสีที่สุดคือฤดูฝน จุดชมวิวที่ดีที่สุดอยู่บริเวณวัดโขงเจียม และยังสามารถติดต่อเรือนำเที่ยวเที่ยวชมความงามสองฝั่งโขงได้ด้วย

ที่ตั้ง : วัดโขงเจียม อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี

18.อุทยานมัจฉาโขงกุดหวาย

บึงน้ำรูปเกือกม้าที่บ้านกุดหวาย ต.เกิ้ง อ.เมือง จ.มหาสารคาม ถือเป็นอ่างเก็บน้ำชลประทานชุมชน ซึ่งในอดีตเคยมีเหตุการณ์น้ำชีทะลักท่วมเป็นเหตุให้ปลาต่างๆ ทั้งปลาธรรมชาติและปลาเลี้ยงว่ายมาร่วมอยู่ภายในบึงนับแสนตัว ชาวบ้านจึงร่วมกันสร้างคันดินปิดทางไม่ให้น้ำจากบึงไหลลงสู่แม่น้ำชี รวมทั้งจัดสร้างอุทยานวังมัจฉาแห่งนี้ พร้อมกำหนดไม่ให้มีการจับสัตว์น้ำในพื้นที่

ปัจจุบันผู้คนไม่น้อยนิยมมาพักผ่อนหย่อนใจที่อุทยานมัจฉา ทางชุมชม วัด จัดสร้างศาลา และสะพาน ปรับภูมิทัศน์ในพื้นที่ให้ร่มรื่น พัฒนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแบบเรียบง่าย บรรยากาศดีโดยเฉพาะในช่วงเย็น ซึ่งทุกคนสามารถเพลิดเพลินกับการให้อาหารปลา และสัตว์อื่นๆ อย่าง แพะ หรือ กระต่าย กันได้

ที่ตั้ง : บ้านโขงกุดหวาย ต.เกิ้ง อ.เมือง จ.มหาสารคาม

19.อุทยานแห่งชาติภูเวียง

พื้นที่แรกในประเทศไทยซึ่งมีการค้นพบฟอสซิลกระดูกไดโนเสาร์ และเป็นพื้นที่แห่งแรกที่มีการสำรวจขุดค้นซากดึกดำบรรพ์อย่างจริงจัง นั่นทำให้อุทยานแห่งชาติภูเวียงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติน่าสนใจสำหรับผู้มาเที่ยวจังหวัดขอนแก่น

อุทยานฯ จัดทำเส้นทางศึกษาธรรมชาติระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร บริเวณพื้นที่ที่ทำการอุทยานฯ เพื่อชมหลุมขุดค้น โครงกระดูกไดโนเสาร์ ฟอสซิลโบราณต่างๆ นักท่องเที่ยวทั่วไปสามารถเดินชมได้ด้วยตัวเอง เส้นทางชัดเจนและไม่ยากจนเกินไป นอกจากนี้จะได้ชมทิวทัศน์ผืนป่าภูเวียงอีกด้วย

ห่างจากที่ทำการฯ ประมาณ 10 กิโลเมตร ยังมีพื้นที่ค้นพบรอยเท้าไดโนเสาร์บนลานหิน จุดชมวิวผาชมตะวัน น้ำตกตาดฟ้า ลานกางเต็นท์ตาดฟ้า สามารถขับรถยนต์เข้าถึงโดยสะดวก มีเจ้าหน้าที่ดูแลด้านการท่องเที่ยวและความปลอดภัย

ที่ตั้ง : .ในเมือง อ.เวียงเก่า จ.ขอนแก่น

20.อุทยานแห่งชาติน้ำพอง

สิ่งที่นักท่องเที่ยวต้องรู้ก่อนไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น คือที่นี่ไม่ได้อยู่ในเขตอำเภอน้ำพอง และไม่มีพื้นที่ส่วนใดของอุทยานฯ อยู่ในอำเภอน้ำพอง ชื่ออุทยานแห่งชาติน้ำพองสื่อความหมายถึงเป็นอุทยานที่ครอบคลุมลำน้ำพอง และเขื่อนอุบลรัตน์ที่สร้างกั้นลำน้ำพองนั่นเอง

ปัจจุบันที่ทำการอุทยานฯ อยู่ริมอ่างเก็บน้ำเขื่อนอุบลรัตน์ เขตอำเภอหนองเรือ มีบ้านพัก ลานกางเต็นท์ จุดชมวิวริมน้ำ ลานกิจกรรมเข้าค่ายเข้าแคมป์ลูกเสือ อย่างไรก็ตามไฮไลท์การเที่ยวชมธรรมชาติที่อุทยานฯ อยู่บริเวณจุดชมวิวผาหมื่นและหินช้างสี หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ที่ นพ.2 (หินช้างสี) ตำบลโคกงาม อำเภอบ้านฟาง

ที่หน่วยฯ หินช้างสี นักท่องเที่ยวจะได้ชมความงามของเขื่อนอุบลรัตน์มุมสูงจากริมหน้าผา อุทยานฯ สร้างหอชมวิวและสะพานไม้เดินศึกษาธรรมชาติไว้อย่างดี มีความงดงามตลอดทุกช่วงเวลาเป็นหนึ่งในทิวทัศน์ห้ามพลาดแห่งจังหวัดขอนแก่น

นอกจากนี้ยังสามารถเที่ยวชมกลุ่มหินรูปร่างแปลกประหลาดชวนให้จินตนาการเป็นสัตว์และสิ่งของต่างๆ มากมาย ขณะที่หินช้างสีนั้นไม่ได้เป็นหินรูปช้างมีสีสันแต่อย่างใด เพราะหมายถึงหินก้อนใหญ่ซึ่งเคยมีช้างป่านำตัวมาเสียดสีถูไถจนมีคราบดินคราบโคลนติดกับก้อนหินฝั่งแน่นต่างหาก

ผู้ที่ต้องการพักแรม อุทยานฯ มีบ้านพักและลานกางเต็นท์บริการตรงที่ทำการฯ และลานกางเต็นท์ที่หน่วยพิทักษ์ฯ หินช้างสี

ที่ตั้ง : ที่ทำการอุทยานฯ อยู่ที่ ต.บ้านผือ อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น

21.น้ำตกตาดโตน

น้ำตกซึ่งมีชื่อเสียงที่สุดของจังหวัดชัยภูมิ อยู่ภายในเขตอุทยานแห่งชาติตาดโตน เป็นน้ำตกชั้นเดียว มีความสูงประมาณ 6 เมตร และกว้างประมาณ 50 เมตร มีน้ำตลอดปีแม้แต่ในฤดูแล้งเนื่องจากอยู่ใต้อ่างเก็บน้ำลำปะทาว และจะมีการส่งน้ำไปทางน้ำตกเพื่อการท่องเที่ยวอย่างสม่ำเสมอ

นักท่องเที่ยวสามารถเล่นน้ำได้ตามลำธารตลอดแนวน้ำตก บรรยากาศธรรมชาติร่มรื่น และมีเจ้าหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างดี

นอกจากนี้ในอุทยานฯ มีบ้านพักสำหรับนักท่องเที่ยว รวมถึงลานกางเต็นท์กว้างขวาง และเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติระยะสั้น บริเวณลานจอดรถใกล้ที่ทำการฯ มีร้านอาหารจำนวนมากให้บริการโดยเฉพาะในช่วงวันหยุดและเทศกาลต่างๆ

ที่ตั้ง : .นาฝาย อ.เมือง จ.ชัยภูมิ

22.จุดชมวิวเขายายเที่ยง

ภูเขาลูกยาวทอดตัวขนานไปกับถนนมิตรภาพช่วงเขื่อนลำตะคอง อำเภอสีคิ้ว นครราชสีมา หลายคนคงเคยผ่าน แต่ไม่ใช่ทุกคนจะเคยขึ้น หรือรู้ว่าด้านบนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ

ไฮไลท์ยอดนิยมของการเที่ยวเขายายเที่ยงคืออ่างพักน้ำตอนบน โรงไฟฟ้าลำตะคอง ชมกังหันลมยักษ์ วิวเขื่อนลำตะคอง มีจักรยานให้เช่าปั่นเที่ยวรอบอ่างแบบเพลินๆ อีกจุดคือเส้นทางท่องเที่ยวเชิงนิเวศบ้านเขายายเที่ยง เป็นเส้นทางป่าปลูกพื้นฟูระยะสั้น สิ้นสุดที่ผายายเที่ยงซึ่งเป็นจุดชมวิวสวยสุดบนเขา

บนเขายายเที่ยงยังมีที่พักรีสอร์ตให้บริการพอสมควร ทั้งบ้านเขายายเที่ยงเหนือและเขายายเที่ยงใต้ นักท่องเที่ยวสามารถขับรถยนต์ขึ้นได้เองเพราะโดยมากเป็นถนนลูกรังหรือคอนกรีต แต่บางช่วงเช่นทางเข้าผายายเที่ยง และขึ้นยอดสูงสุดเขายายเที่ยง เป็นทางลูกรัง ควรขับด้วยความระมัดระวัง

ที่ตั้ง : .คลองไผ่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา

23.เขื่อนลำปาว

เขื่อนดินขนาดใหญ่ของกรมชลประทาน กั้นลำน้ำปาวและห้วยยาง สร้างเสร็จเมื่อปี พ.. 2511 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ปัญหาอุทุกภัยและใช้ประโยชน์ด้านชลประทานการเกษตร ก่อนกลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจของชาวกาฬสินธุ์และพื้นที่ใกล้เคียง

จุดท่องเที่ยวหลักของเขื่อนลำปาวมีสองแห่ง คือบริเวณสันเขื่อนซึ่งสามารถขึ้นไปชมทัศนียภาพสวยงามสบายตา ถ่ายรูปอย่างเพลิดเพลิน มีร้านอาหารให้บริการพร้อมเพิงพัก เก้าอี้ เตียงผ้าใบ สำหรับพักผ่อน ส่วนอีกจุดคือบริเวณหาดดอกเกดที่อยู่ไม่ไกลกัน ในช่วงฤดูร้อนน้ำลดจะเกิดเป็นชายหาดขนาดกว้าง จนได้รับฉายาทะเลกาฬสินธุ์ มีร้านอาหาร เตียงชายหาด และกิจกรรมหลากหลาย ทั้งเล่นน้ำ ห่วงยาง ล่องแพ เจ็ตสกี บานานาโบ๊ต และอื่นๆ

ที่ตั้ง : .ลำคลอง อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์

24.วนอุทยานพนมสวาย

วนอุทยานพนมสวายพนมสวายเป็นคำภาษาพื้นที่เมืองสุรินทร์พนมแปลว่าภูเขาสวายแปลว่ามะม่วงในหมู่พนมสวายประกอบด้วยภูเขา 3 ลูกติดต่อกันซึ่งมีมีชื่อพื้นเมืองเรียกแตกต่างกันไป ได้แก่พนมกรอลแปลว่าเขาคอกมีความสูงประมาณ 150 เมตรพนมเปร๊า แปลว่าเขาชายมีความสูงประมาณ 220 เมตรพนมสรัยแปลว่าเขาหญิงมีความสูงประมาณ 210 เมตร รวมกันทั้ง 3 ลูก มีชื่อว่า เขาพนมสวาย

ความจริงคือ พนมสวายคือ ภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว จึงมีลานหินกระจายทั่วไป เนื่องจากวนอุทยานพนมสวายได้สำรวจทั่วบริเวณวนอุทยานพบว่า มีต้นกล้วยไม้ป่าอยู่เป็นจำนวนมาก ทางวนอุทยานได้จัดต้นกล้วยไม้ป่า มาติดไว้ตามต้นไม้ต่างๆ ริมถนน ริมลานจอดรถบ้าง วนอุทยานพนมสวาย ถือว่าเป็นวนอุทยานเฉลิมพระเกียรติแห่งหนึ่งในประเทศไทย และเป็นสถานที่แสวงบุญของชาวไทยที่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา

เขตอุทยานพนมสวาย เขาพนมสวาย เป็นภูเขาที่โผล่ขึ้นมาโดดๆบนที่ราบทำนาของจังหวัดสุรินทร์ ห่างจากเทือกเขาพนมดงรักประมาณ 50 กิโลเมตร ห่างจากเขาพนมรุ้งประมาณ 50 กิโลเมตร สามารถมองเห็นปราสาทพนมรุ้งได้เลยล่ะ

ที่ตั้ง : .นาบัว อ.เมือง จ.สุรินทร์

25.ภูทอก

ภูเขาลูกไม่สูงมากแต่ความสวยมีมากจนต้องร้องว้าว เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คปักหมุดของนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมเยือนเมืองริมโขง อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย เพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้นพร้อมทะเลหมอกยามเช้า

ภูทอกอยู่ห่างจากตัวอำเภอเชียงคานเพียง 6 กิโลเมตร ด้านบนเป็นที่ตั้งสถานีโทรคมนาคม เราสามารถเดินชมวิวรอบนอกสถานีได้เป็นวงกลม มองเห็นวิวหลากหลายฝั่งทั้งทุ่งนา ภูเขา หมู่บ้าน และแม่น้ำโขงที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล

การเที่ยวภูทอกไม่อนุญาตให้นำรถส่วนตัวขึ้นไป ต้องใช้บริการรถนำเที่ยวชาวบ้านบริเวณตีนภู สามารถขึ้นชมวิวได้ตั้งแต่ก่อนพระอาทิตย์ขึ้นจนถึงใกล้เย็น สวยแตกต่างกันตามเวลา เป็นสถานที่ปักหมุดห้ามพลาดของเชียงคานจริงๆ

ที่ตั้ง : .เชียงคาน จ.เลย

26.ทะเลบัวแดง

จะหาบรรยากาศที่ไหนโรแมนติกเท่าล่องเรือชมทะเลบัวแดงภายใต้แสงอาทิตย์สีทองรำไรยามเช้าคงมีไม่มากนัก หากใครได้มาเยือนทะเลบัวแดง บึงหนองหาน อำเภอกุมภวาปี อุดรธานี สักครั้งแล้วรับรองว่าจะต้องหลงรัก

เทศกาลชมทะเลบัวแดงมีขึ้นตลอดฤดูหนาว ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ถึงกุมภาพันธ์ โดยจุดล่องเรือชมบัวแดงกระจายอยู่หลายแห่งรอบบึง แต่ท่าเรือซึ่งมีขนาดใหญ่และเป็นที่นิยมที่สุดอยู่ที่บ้านเดียม ตำบลเชียงแหว แต่ละวันจะมีชาวบ้านมาให้บริการเรือนำเที่ยวจำนวนมาก รวมทั้งมีร้านค้าร้านอาหารให้บริการ

ราคานั่งเรือ เรือใหญ่ 500 บาท ต่อลำ นั่งได้ไม่เกิน 8 คน เรือเล็ก 300 บาท นั่งได้ 2 คน ใช้เวลาล่องเรือเที่ยวไม่เกิน 1.30 ชั่วโมง โดยการชมทะเลบัวแดงควรไปตั้งแต่เช้า เพราะบัวแดงเป็นบัวบานกลางคืน จะหุบเมื่อแดดเริ่มแรง

นอกจากนี้ที่บ้านเดียมยังมีโฮมสเตย์ชาวบ้านให้บริการอีกด้วย ค่าเข้าพักพร้อมอาหารเช้า คนละ 200-300 บาท

ที่ตั้ง : บึงหนองหาน บ้านเดียม ต.เชียงแหว อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี

27.อุทยานแห่งชาติภูสวนทราย

อุทยานแห่งชาติภูสวนทราย นอกจากจะมีทั้งน้ำตกตาดเหือง น้ำตกคิ้ง หินสี่ทิศ ฯลฯ ให้แวะเที่ยวชม ไฮไลท์ของที่นี่คือจุดชมวิว ภูหัวฮ่อม ซึ่งเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งในประเทศไทย

โดยเฉพาะในช่วงปลายฝนเดือนกันยายนตุลาคม เมื่อหมอกจางก็ยังสามารถชมทิวทัศน์เทือกเขาสลับซับซ้อนระหว่างพรมแดนไทยและลาวได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ในพื้นที่อุทยานฯ ยังมีจุดชมวิวอื่น เช่น เนิน 1408 ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของหน่วยทหาร เหมาะสำหรับชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า รวมทั้งเนิน 1205 ที่สามารถมองเห็นบ้านห้วยน้ำผัก ภูสอยดาว ไปจนถึงภูเวียงของสปป.ลาว

ที่ตั้ง : .แสงภา อ.นาแห้ว จ.เลย

28.น้ำตกสร้อยสวรรค์

หนึ่งในน้ำตกสวยเที่ยวไม่ยากของอุทยานแห่งชาติผาแต้ม และยังเป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ผต.1 (สร้อยสวรรค์) จึงมีการจัดทำพื้นที่อย่างดีทั้งด้านภารกิจดูแลรักษาผืนป่า และการต้อนรับนักท่องเที่ยว

ชื่อสร้อยสวรรค์มาจากการที่ที่นี่มีน้ำตกสองเส้นมาบรรจบพบกันจนมีลักษณะเหมือนสายสร้อยคล้องคอนั่นเอง อย่างไรก็ตามน้ำตกทั้งสองสายไม่ได้มีน้ำสม่ำเสมอทุกฤดู ช่วงสวยงามเหมาะกับการเที่ยวชมที่สุดคือปลายฤดูฝนที่ป่าได้เก็บกักน้ำไว้อย่างเต็มที่แล้ว และในช่วงปลายเดือนตุลาคมจนถึงธันวาคมที่นี่ยังเป็นแหล่งชมทุ่งดอกไม้ป่าที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของอีสานใต้อีกด้วย

ที่ตั้ง บ้านหนองผือ ต.นาโพธิ์กลาง อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี

29.น้ำตกชะแนน

อีกหนึ่งน้ำตกสวยแห่งบึงกาฬ ที่นักท่องเที่ยวมาเยือนแล้วจะต้องประทับใจ

น้ำตกชะแนน ตั้งอยู่บ้านภูเงิน อำเภอเซกา เดิมชื่อน้ำตกตาดสะแนน ตาดแปลว่าที่ซึ่งมีน้ำไหลสะแนน มีความหมายว่าสูงสุดยอดหรือเยี่ยมยอดสายน้ำตกเกิดจากลำห้วยสะแนนไหลลดหลั่น 2 ชั้น มีขนาดกว้างประมาณ 100 เมตร ระหว่างชั้นที่ 1 กับชั้นที่ 2 ห่างกัน 300 เมตร

เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่สวยงาม มีน้ำเฉพาะฤดูฝน ระหว่างทางจะผ่านขัวหิน (สะพานหิน) ซึ่งน้ำจะลอดหายไปใต้สะพานหินที่มีความยาวประมาณ  100 เมตร ก่อนขึ้นสู่ชั้นที่สองจะผ่านแนวลำธารที่เต็มไปด้วยโขดหิน เดินตามลำธารไปทางชายฝั่งด้านซ้ายมือ ทะลุออกที่ลานกว้างริมแอ่งน้ำใหญ่ เหนือแอ่งน้ำขึ้นไปก็เป็นน้ำตกชั้นเตี้ยๆ ตกลงมาสู่แอ่ง เรียกกันว่า น้ำตกบึงจระเข้

ที่ตั้งบ้านภูเงิน อ.เซกา จ.บึงกาฬ

30.น้ำตกถ้ำพระ

น้ำตกถ้ำพระ หรือน้ำตกภูถ้ำพระ จังหวัดบึงกาฬ เป็นน้ำตกหนึ่งที่อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว น้ำตกถ้ำพระเป็นน้ำตกจากผาหินขนาดใหญ่ น้ำจากตัวน้ำตกถ้ำพระไหลลงมาบนลานหินโล่งกว้างขนาดใหญ่และสวยงาม กว้างประมาณ 100เมตร

ลานหินน้ำตกถ้ำพระจึงกลายเป็นแหล่งเล่นน้ำที่เหมือนสวนน้ำขนาดใหญ่ ที่มีน้ำปริมาณมหาศาล รวมถึงมีความใสมาก นักท่องเที่ยวจึงนิยมมาเที่ยวกันเป็นจำนวนมาก การเข้าไปน้ำตกถ้ำพระ มีเรือให้บริการไปเที่ยวน้ำตกถ้ำพระ เป็นเรือรับส่งเหล็กขนาดใหญ่ เป็นเรือเหล็ก และวิ่งวนรับส่งผู้โดยสารตลอดทั้งวัน ราคาค่าโดยสารเพียงคนละ 20 บาท ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ใช้เวลานั่งเรือประมาณ 10 นาทีก็จะถึง ทางเข้าน้ำตก

จากนั้นเดินเท้าเข้าไปอีกประมาณ 500 เมตร น้ำตกถ้ำพระมีน้ำเยอะตลอดปี มีเพียงแค่ 2 เดือน คือ มีนาคมและเมษายนที่น้ำน้อย ดังนั้นจึงมีนักท่องเที่ยวตลอดปี

ที่ตั้ง : บ้านถ้ำพระ  .เซกา จ.บึงกาฬ

31.น้ำตกเจ็ดสี

น้ำตกเจ็ดสีเป็นน้ำตกอีกแห่งที่อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว จังหวัดบึงกาฬ เป็นอีกหนึ่งน้ำตกที่นักท่องเที่ยวโดยเฉพาะคนบึงกาฬนิยมมาเล่นน้ำกันมาก มีพื้นเล่นน้ำหลายจุด แบ่งเป็น 3 ชั้นน้ำตก ในอาณาเขตที่กว้างใหญ่พอสมควรทีเดียว ลานด้านหน้าทางเข้าติดกับวัดแห่งหนึ่งชื่อว่าวัดถ้ำบูชา (วัดภูวัวน้ำตกเจ็ดสี) มีลานจอดรถ ห้องน้ำ และมีร้านอาหารด้วย

จากจุดนี้เดินเข้าไปถึงบริเวณนที่เล่นน้ำตกอีกประมาณ 800 ก็จะถึงน้ำตกชั้นแรก ส่วนน้ำตกชั้นที่ 2 ห่างไปเพียง 200เมตรเท่านั้น มีลักษณะเป็นลานหินน้ำตกเช่นเดียวกับชั้นแรก มีนักท่องเที่ยวมาเล่นน้ำกันมากเช่นกัน  ส่วนน้ำตกชั้นที่ 3 เป็นชั้นที่สวยที่สุด และเป็นที่มาของชื่อน้ำตกเจ็ดสีด้วย อยู่ห่างจากลานน้ำตกชั้นที่ 2 ประมาณ 200เมตร

น้ำตกเจ็ดสีเป็นน้ำตกที่สวยงามมากโดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน เกิดจากธารน้ำของห้วยกะอามไหลมาตามหน้าผาหินทรายสูงและแผ่กว้างเป็นทางยาว น้ำตกกระทบหินเบื้องล่างเกิดเป็นละอองไอน้ำยามเมื่อกระทบกับแสงแดดทำให้เกิดสีต่าง ๆ จึงเรียกว่า น้ำตกเจ็ดสี น้ำตกเจ็ดสีชั้นที่ 3 จะเป็นลักษณะผาน้ำตกขนาดใหญ่ และมีลานหินเล่นน้ำได้ น้ำไม่ลึก

ที่ตั้ง : บ้านดอนเสียด อ.เซกา จ.บึงกาฬ

32.ภูสิงห์

ที่นี่โดดเด่นด้วยภูเขาหินทราย หน้าผา ถ้ำ กลุ่มหินรูปทรงต่างๆ และผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ โดยหินสามวาฬมีลักษณะเป็นภูเขาหินทรงมนทอดตัวยาวเรียงกัน 3 ก้อน มองจากทางอากาศจะเห็นคล้ายเป็นวาฬพ่อ แม่ ลูก ว่ายน้ำด้วยกัน ซึ่งน้ำในที่นี่ก็คือผืนป่าที่เขียวขจีนั่นเอง

และเมื่อมองจากบนหินสามวาฬออกไป จะพบกับทัศนียภาพของป่าภูวัว ห้วยบังบาตร แก่งสะดอก หาดทรายแม่น้ำโขง และขุนเขาของเมืองปากกระดิ่ง สปป.ลาว หากมาในยามเช้าก็อาจได้เห็นทะเลหมอกลอยละล่องเหนือผืนป่าอีกด้วย

ที่ตั้ง : .คกก่อง อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ

33.หินสามวาฬ

หินสามวาฬ บึงกาฬ เป็นหินที่มีขนาดใหญ่แยกเป็น 3 ก้อน มีลักษณะรูปร่างคล้ายปลาวาฬ พ่อแม่และลูก จึงมีชื่อเรียกว่า หินสามวาฬ ช่วงหน้าฝนอากาศตอนเช้าของหินสามวาฬจะมองเห็นหมอกหนาสวยเลยทีเดียว อย่างภาพที่เราเห็นอยู่ตอนนี้ก็พอมีหมอกให้ได้เห็นกันอยู่ ที่นี่เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าและชมทัศนียภาพของป่าภูวัว ห้วยบังบาตร แก่งสะดอก หาดทรายแม่น้ำโขง และภูเขาเมืองปากกระดิ่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

ที่อยู่ : .เมือง จ.บึงกาฬ

34.บึงโขงหลง

บึงโขงหลงคือบึงน้ำขนาดกว้างใหญ่มาก มีน้ำขังตลอดปีลักษณะเหมือนแม่น้ำโขง จึงได้ชื่อว่าบึงโขงหลงซึ่งเป็นบึงน้ำที่อุดมไปด้วยปลาน้ำจืดทุกชนิด ถือเป็นแหล่งน้ำที่หล่อแหล่งชีวิตเกษตรในตำบลนี้และตำบลใกล้เคียงได้ตลอดปี

และเพื่อให้บึงแห่งนี้เป็นเอกลักษณ์ของตำบลจึงให้ตำบลนี้ชื่อว่าตำบลบึงโขงหลงจากนั้นสืบมาจนถึงปัจจุบัน บึงโขงหลงเคยเป็นเขตพื้นที่ในจังหวัดหนองคาย แต่ปัจจุบันแยกออกมาเป็นจังหวัดบึงกาฬ บึงโขงหลงได้รับการดูแลพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติเชิงนิเวศ เป็นแหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่ มีเนื้อที่ประมาณ 11,318ไร่ 2ฝงาน 7 ตารางวา เมื่อปี พ.. 2520 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำริให้กรมชลประทานพิจารณาโครงการเก็บกักน้ำเพื่อการเกษตรในฤดูแล้ง

บึงโขงหลงเป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงโขงหลง เมื่อปีพ.. 2525 บึงโขงหลงได้ขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำระดับนานาชาติอันดับที่ 1,098 ของโลก (Wetland of International Importance) บึงโขงหลงเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์น้ำ และพืชน้ำนานาชนิด เช่น นกกว่า 100 ชนิด โดยเป็นนกอพยพกว่า 50 ชนิด และปลาประมาณ 80 ชนิด มีปลาที่หาดูยาก คือ ปลาบู่แคระ

ที่ตั้ง : บึงโขงหลง ต.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ

35.ภูพานน้อย

หากใครอยากรู้ว่าหนองบัวลำภู มีภูมิประเทศเป็นอย่างไร ให้ขึ้นมาที่นี่ภูพานน้อย เพราะจากจุดชมวิวบนภูจะเผยให้เราเห็นจังหวัดหนองบัวลำภูแบบไกลสุดสายตา อีกทั้งยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม และสำหรับยามเช้าหากใครโชคดีอาจได้เห็นทะเลหมอกปกคลุมตัวเมืองอีกด้วย

ภูพานน้อยเป็นเทือกเขาซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองเพียง 6 กิโลเมตร หน่วยงานท้องถิ่นพัฒนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ชมวิว ศึกษาธรรมชาติ ภายใต้ชื่อแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศภูพานน้อย ถือเป็นไฮไลท์การท่องเที่ยวธรรมชาติของจังหวัดก็ว่าได้

บนภูพานน้อยมีจุดชมวิวริมหน้าผาอย่างดี เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติร่มรื่น พร้อมพื้นที่ให้นักท่องเที่ยวมาค้างแรมอย่างดี สะอาด ปลอดภัย เป็นที่นิยมอย่างมากในช่วงฤดูหนาว

ที่ตั้ง : บ้านภูพานทอง ต.หนองบัว อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู

36.อุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ

อุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ อยู่ในท้องที่อำเภอเมืองและอำเภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร มีเนื้อที่ประมาณ 30,312.5 ไร่ หรือ 48.5 ตารางกิโลเมตร มีสภาพป่าที่สมบูรณ์ มีป่าเต็งรังบริเวณลานหินหรือภูเขาหิน และในฤดูฝนต่อฤดูหนาวจะเต็มไปด้วยไม้ดอกงดงามนานาชนิด ป่าเบญจพรรณบริเวณหุบเขา มีปรากฏการณ์และธรรมชาติที่สวยงาม หินมีลักษณะหรือรูปทรงแปลกๆ ถ้ำที่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ น้ำตกและน้ำซับตลอดปี

ตลอดจนมีสัตว์ป่านานาชนิด สภาพภูมิประเทศประกอบด้วยภูเขาสูงชันหลายเทือกเขาติดต่อกัน คือ ภูนางหงษ์ ภูถ้ำพระ ภูหลังเส ภูหินเทิบ ภูหมากยาง ภูโป่ง ภูมโน มียอดเขาภูจอมศรีเป็นยอดเขาที่สูงที่สุด คือ สูงประมาณ 420 เมตรจากระดับน้ำทะเล มีสภาพเป็นภูเขาหินตลอดทั้งมีหินกว้างยาวและหินทับซ้อนกันในรูปต่างๆ หน้าผาสูงชัน และดินส่วนใหญ่เป็นดินปนทราย เป็นแหล่งกำเนิดของแม่น้ำหลายสาย เช่น ห้วยตาเหลือก ห้วยสิง ห้วยสะพาย ห้วยเรือ ห้วยบอน ห้วยช้างชน ห้วยไค้ และห้วยมะเล เป็นต้น

สัตว์ป่าที่พบเห็นโดยส่วนใหญ่เป็นสัตว์ขนาดเล็ก ได้แก่ หมูป่า กระต่าย กระแต เก้ง หมาจิ้งจอก อีเห็น ลิง ไก่ป่า และนกนานาชนิด

ที่ตั้ง : อช.มุกดาหาร (ภูผาเทิบ) 25 หมู่ 5 บ้านคอนสาย ต.นาสีนวน อ.เมือง จ.มุกดาหาร

37.อุทยานแห่งชาติภูแลนคา

ชื่อเสียงของอุทยานแห่งชาติภูแลนคา ชัยภูมิ เป็นที่รู้จักกันดีจากความโด่งดังของจุดชมวิวอย่างผาหัวนาค อย่างไรตามนักท่องเที่ยวจำนวนไม่มากนักที่จะเข้าใจถูกว่าผาหัวนาคไม่ใช่ที่ตั้งของที่ทำการอุทยานฯ เนื่องจากทั้งสองจุดไม่มีทางถนนเชื่อมตัดถึงกัน ต้องขับรถเที่ยวแบบตัวย

บริเวณที่ทำการแห่งชาติภูแลนคาร่มรื่นตามธรรมชาติ พื้นที่บนสุดของภูแลนคาเป็นลานหินกว้าง สูงประมาณ 650 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล สามารถนำรถขึ้นไปถึงจุดจอดรถได้เลย นอกจากนี้ยังมีทางศึกษาธรรมชาติหลายเส้นทาง ทั้งเส้นยอป่า ผากล้วยไม้ หรือกลุ่มหินปราสาท ประตูโขลง

นักท่องเที่ยวที่ต้องการค้างแรม มีลานกว้างใกล้ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเปิดเป็นจุดกางเต็นท์ มีห้องน้ำ ห้องอาบน้ำอย่างดี ถือเป็นอีกจุดตั้งแคมป์ทำกิจกรรมกลางแจ้งที่ยอดเยี่ยมของชัยภูมิ

ที่ตั้ง : อุทยานแห่งชาติภูแลนคา ต.ห้วยต้อน อ.เมือง จ.ชัยภูมิ

38.อุทยานแห่งชาติไทรทอง

อุทยานแห่งชาติไทรทอง ตั้งอยู่บนสันเขาพังเหยและเป็นเส้นทางชมดอกกระเจียวที่สวยงามและใหญ่ที่สุดของจ.ชัยภูมิ โดยจะต้องนั่งรถโฟร์วีลเข้าสู่พื้นที่ ใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที

ความโดดเด่นอยู่ที่ความกว้างใหญ่ของพื้นที่ซึ่งมีจุดให้ชมทุ่งดอกกระเจียวทั้งสีชมพูและสีขาวบนเส้นทางศึกษาธรรมชาติภายในอุทยานอยู่ถึง 4 แห่ง ดอกกระเจียวที่ขึ้นแซมบนทุ่งหญ้าสลับป่าเต็งรัง ยิ่งในเวลาที่ออกดอกสะพรั่งสุดสายตา ก็ยิ่งเป็นภาพที่น่าทึ่งเหมือนกับอยู่ในความฝันเลยทีเดียว

นอกไปจากนี้ตลอดระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตรของเส้นทาง ยังมีจุดชมวิวมุมสูงให้แวะหลายแห่ง โดยเฉพาะบริเวณ ผาหำหด ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางถึง 867 เมตร จะมีชะง่อนหินความยาวประมาณ 1 เมตรที่ยื่นออกไปให้คนกล้าไปโพสท่าเท่ๆ กับวิวขุนเขาและป่าสีเขียวทอดยาวสุดสายตา

ที่ตั้ง : .หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ

39.มอหินขาว

มอหินขาว อุทยานแห่งชาติภูแลนคา มอหินขาว หรือ สโตนเฮนจ์เมืองไทย เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่มีความงดงามทางธรรมชาติ ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติภูแลนคา เป็นกลุ่มหินขนาดใหญ่ 3 กลุ่มที่มีความเก่าแก่หลายล้านปี โดยมีหินทรายก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งเป็นสีขาวและโดดเด่นในพื้นที่ และเป็นที่มาของมอหินขาว ในบริเวณนั้นยังมีเสาหินขนาดใหญ่จำนวน 5 เสา ตั้งเรียงรายเป็นแถว มีความสูงประมาณ 12 เมตร

อีกทั้งยังมีแท่นหินรูปร่างคล้ายเรือ เจดีย์ หอแอนเมืองปิซา และคล้ายกระดองเต่า ซึ่งจัดเป็นกลุ่มหินกลุ่มที่ 1 ส่วนหินกลุ่มที่ 2 อยู่ห่างออกไป แท่นหินจะมีรูปร่างแปลกแตกต่างกันไป หินกลุ่มที่ 3 อยู่ห่างออกไปอีก 1,500 เมตร มีรูปร่างเป็นเสาหินขนาดเล็กลาดเอียงขึ้นไปจรดหน้าผา นอกจากประติมากรรมทางธรรมชาติที่สวยงามแปลกตาของเสาหินรูปแบบต่างๆ แล้ว บริเวณมอหินขาวยังมีดอกไม้ป่าบานสะพรั่งอยู่ทั่วไป นับเป็นภาพที่สวยงามน่าประทับใจแก่นักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมยิ่งนัก

ที่ตั้ง : .ท่าหินงาม อ.เมือง จ.ชัยภูมิ

40.น้ำตกตาดโพธิ์

น้ำตกสวยแห่งนครพนม ที่แสดงให้เห็นว่าเมืองริมน้ำโขงแห่งนี้ก็มีพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ด้วยป่าไม้เหมือนกัน ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติภูลังกา อำเภอบ้างแพง เชื่อมต่อกับจังหวัดบึงกาฬ   

น้ำตกตาดโพธิ์มีแหล่งกำเนิดมาจากลำห้วยบนภูลังกา มีทั้งหมด 4 ชั้น ซึ่งการจะเที่ยวชมให้ครบต้องเดินตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติเป็นระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร แต่หากต้องการเพียงเล่นน้ำหรือชมความงามของชั้นที่ 1 ก็อยู่ตรงใกล้กับที่ทำการอุทยานฯ นั่นเลย

ช่วงเหมาะกับการเที่ยวน้ำตกตาดโพธิ์ที่สุดคือฤดูฝน เนื่องจากจะมีน้ำเยอะสวยที่สุด สำหรับหน้าแล้งมีน้ำน้อยไม่เป็นที่นิยมมากนัก ทว่าในหน้าแล้งนักท่องเที่ยวจะมีอีกกิจกรรมให้ทำคือเดินขึ้นไปสักการะเจดีย์กองข้าวศรีบุญเนาว์บนยอดภูลังกา ระยะทาง 4 กิโลเมตร สามารถค้างแรมด้านบน หรือเดินขึ้นลงภายในวันเดียวก็ได้

ที่อยู่ : อุทยานแห่งชาติภูลังกา ต.ไผ่ล้อม อ.บ้านแพง จ.นครพนม

41.ภูห้วยอีสัน

นั่งรถอีแต๊กขึ้นภู ดูพระอาทิตย์ขึ้น ส่องแม่น้ำโขง ชมทะเลหมอก นี่คือนิยามแห่งการเที่ยวภูห้วยอีสัน หนึ่งในจุดชมวิวแม่น้ำโขง ชายแดนไทยลาว แห่งอำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย ที่มาแรงมากช่วงสามสี่ปีที่ผ่านมา

ภูห้วยอีสันตั้งอยู่ที่บ้านม่วง เป็นช่วงซึ่งสองฝากฝั่งแม่น้ำโขงเปี่ยมไปด้วยภาพแห่งวิถีชีวิตชนบท มีเสน่ห์เหมือนถูกหยุดเวลาไว้ ไม่สนใจต่อความเร่งรีบใดๆ ของโลก

กิจกรรมเที่ยวชมทะเลหมอกจะมีขึ้นทุกเช้าในฤดูท่องเที่ยว เริ่มตั้งแต่ประมาณเดือนตุลาคมเป็นต้นไป นักท่องเที่ยวจะรวมตัวกันที่วัดแก้วเสด็จชัยมงคล ไม่ไกลจาก อบต.บ้านม่วง เพื่อรอคิวรถอีแต๊กชาวบ้านพาขึ้นบนภู ราคาคนละ 60 บาท หรือเหมาคัน 300 บาท

บนภูมีการปรับพื้นที่เป็นจุดชมวิวต้อนรับแขกผู้มาเยือนอย่างดี มีร้านค้าเล็กๆ ของชาวบ้านขายเครื่องดื่ม กาแฟ ข้าวจี่ ของกินรองท้อง ระหว่างรอชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอก ในวันที่โชคดีบอกเลยว่าวิวจากภูห้วยอีสันสวยจับใจจนยากที่ใครจะลืม

ที่ตั้ง : .บ้านม่วง อ.สังคม จ.หนองคาย

42.ภูผาดัก

อยากรู้ว่าแม่น้ำโขงนั้นเปี่ยมเสน่ห์เช่นไรแนะนำให้ลองมาดูที่ภูผาดัก อำเภอสังคม หนองคาย แล้วคุณจะต้องหลงรักแม่น้ำนานาชาติสายนี้หมดหัวใจ

ภูผาดักนับเป็นหนึ่งในจุดชมวิวแม่น้ำโขงสวยที่สุดของหนองคาย นักท่องเที่ยวต้องเดินเท้าจากด้านล่างขึ้นสู่ยอดภูใช้เวลาประมาณ 30 นาที เพื่อจะได้เห็นสายน้ำทอดตัวยาวจนทิ้งโค้งอ้อมขุนเขา มีสันดอน และเกาะเล็กเกาะน้อยเรียงรายกลางแม่น้ำ ที่นี่สวยทุกโมงยาม เช้าชมพระอาทิตย์ขึ้น และมีทะเลหมอกเหนือแม่น้ำในฤดูหนาว กลางวันชมวิวสวยเต็มตา ส่วนตอนเย็นสามารถสัมผัสความโรแมนติกของท้องฟ้าเปลี่ยนสี

การขึ้นสู่ยอดภูผาดักเพื่อชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า แนะนำให้ติดต่อไกด์ท้องถิ่นตำบลบ้านม่วงนำทางเพื่อความปลอดภัย มีค่าใช้จ่ายประมาณ 500 บาท ต่อหนึ่งกรุ๊ป

ที่ตั้ง : ทางขึ้นอยู่ที่วัดป่าบำเพ็ญธรรม ต.บ้านม่วง อ.สังคม จ.หนองคาย

43.ผาเก็บตะวัน

จุดชมวิวซึ่งโด่งดังมีชื่อเสียงที่สุดของอำเภอวังน้ำเขียว นครราชสีมา และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์ของอุทยานแห่งชาติทับลาน กลายเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาชมวิวตั้งแต่เช้าจรดเย็นมากมายในแต่ละวัน

ผาเก็บตะวันเป็นจุดปลายสุดของอำเภอวังน้ำเขียว ด้านล่างหน้าผาคือเขตอำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี มีทัศนียภาพที่สวยงามด้วยป่าต้นลานผืนสุดท้ายของประเทศ ในแต่ละช่วงเวลาเราจะได้เห็นบรรยากาศแตกต่างกัน ตั้งแต่หมอกบางๆ ยามเช้า ใครโชคดีอาจได้พบทะเลหมอกหลังฝนตก สีเขียวสวยยามแดดแรง หรือความโรแมนติกพร้อมท้องฟ้าเปลี่ยนสียามเย็น

นอกจากจัดทำจุดชมวิวอย่างดี อุทยานฯ ยังมีพื้นที่สำหรับกางเต็นท์ มีอุปกรณ์ต่างๆ ให้เช่า และมีร้านค้าสวัสดิการขายของกินเล็กน้อย เป็นที่นิยมมาพักแรมในช่วงฤดูหนาวของนักท่องเที่ยวที่รักธรรมชาติ

ที่ตั้ง : .ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา

44.น้ำตกธารทิพย์

แม้จะไม่ใช่น้ำตกที่อลังการมากนัก แต่น้ำตกธารทิพย์ก็สดชื่นชุ่มฉ่ำมีดีเพียงพอดึงดูดให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือนอำเภอสังคม หนองคาย ต้องร้องว้าว เพราะสายน้ำตกลงมาผ่านหน้าผาความสูงหลายสิบเมตรสาดซ่ากึกก้องดังไปทั่วป่าสีเขียว

ที่นี่ได้รับการจัดตั้งให้เป็นวนอุทยานน้ำตกธารทิพย์ ตัวน้ำตกมีทั้งหมดสามชั้น ระยะทางเดินจากจุดเริ่มต้นไปถึงจุดสิ้นสุดประมาณ 500 เมตร ทว่าบริเวณสวยที่สุดคือชั้นสองซึ่งเดินเท้าไม่ไกลนัก มีแอ่งสามารถเล่นน้ำได้

แม้จะมีน้ำตลอดทั้งปีแต่ช่วงหน้าเที่ยวชมที่สุดคือตั้งแต่ฤดูฝนเป็นต้นไปจนถึงเดือนธันวาคม เพราะหลังจากนั้นน้ำจะค่อนข้างน้อย ถึงอย่างนั้นนักท่องเที่ยวก็ยังมาเยือนที่นี่สม่ำเสมอ

ที่ตั้ง : วนอุทยานน้ำตกธารทิพย์ ต.บ้านม่วง อ.สังคม จ.หนองคาย

45.จุดสูงสุดภูสิงห์ผาชื่นวาริน

จุดชมวิวสวยที่สุดของอำนาจเจริญ จุดสูงสุดภูสิงห์อยู่ในเขตวนอุทยานภูสิงห์ภูผาผึ้ง ห่างจากที่ทำการวนอุทยานประมาณ 10 กิโลเมตร สามารถขึ้นถึงด้วยรถยนต์ทุกประเภท ด้านบนมีลานจอดรถอย่างดี รวมทั้งบ้านพักของวนอุทยาน

บนลานหินกว้างมีสะพานไม้ทอดยาว เหมาะสำหรับชมวิวถ่ายภาพ มองเห็นพื้นที่เบื้องล่างแบบพาโนรามากว้างไกลสุดสายตา

นอกจากนี้ด้านหลังที่บ้านพัก มีทางเดินศึกษาธรรมชาติสู่ผาชื่นวาริน ระยะทางประมาณ 500 เมตร ถือเป็นจุดชมธรรมชาติและพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม นักท่องเที่ยวสามารถอยู่เที่ยวชมได้ตามเวลาอันเหมาะสม

ที่ตั้ง : .เหล่าพรวน อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ

46.อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร

ชื่อเขาพระวิหารคงไม่มีคนไทยคนไหนไม่เคยได้ยิน และอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร คือที่ตั้งของ ปราสาทขอมโบราณบนพื้นที่ทับซ้อนซึ่งเราขัดแย้งกับกัมพูชามายาวนานนั่นแหละ และด้วยปัญหาช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตอนนี้เราจึงทำได้เพียงมองปราสาทจากกล้องส่องทางไกล (จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง) แต่ถึงอย่างนั้นในอุทยานฯ ก็ยังมีที่เที่ยวอีกมากมาย

ไฮไลท์ไม่ควรพลาดคือการชมพระอาทิตย์ขึ้นพร้อมทะเลหมอกยามเช้าที่ผามออีแดง ผาตรงนี้เป็นหนึ่งในจุดชมวิวสวยสุดของอีสานใต้ มีฐานทหารและ ตชด. ดูแลอยู่เป็นจุดๆ แต่เราเที่ยวชมได้สบายใจ

นอกจากนี้ยังมีน้ำตกขนาดย่อมอีกหลายแห่ง มีปราสาทเล็กๆ แต่ขรึมขลังและสวยงามคือปราสาทโดนตวล รวมทั้งจุดชมวิวอื่นอีกด้วย และแน่นอนว่าใครจะกางเต็นท์พักแรมที่อุทยานฯ ติดต่อได้เลย

ที่ตั้ง : .เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ

47.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว

ถิ่นของช้างป่าแหล่งใหญ่ที่สุดของอีสานเหนือ นั่นคือนิยามของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว จังหวัดบึงกาฬ และเป็นสถานที่เที่ยวธรรมชาติซึ่งมาแรงมากในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา เพราะเต็มไปด้วยน้ำตกสวยหลายแห่งในฤดูฝน

แต่นอกจากน้ำตกต่างๆ เขตฯ ภูวัว ยังโดดเด่นด้วยเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติระยะไกลแบบ 2 วัน 1 คืน หรือ 3 วัน 2 คืน เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้มาสัมผัสผืนป่าบนภูหินทรายซึ่งมีทัศนียภาพสวยงามแปลกตา จุดหมายอยู่ที่ลานอเมริกา ผาถ้ำพราย น้ำตกถ้ำน้อย ระยะทางเดินรวมทั้งหมดราว 12 กิโลเมตร

การเที่ยวเส้นทางศึกษาธรรมชาติต้องติดต่อเขตฯ ล่วงหน้าอย่างน้อย 10 วัน รวมทั้งทำหนังสือขออนุญาตกับสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า ฤดูกาลท่องเที่ยวอยู่ระหว่างเดือนมิถุนายน ถึงกุมภาพันธ์ ส่วนในฤดูร้อนมักเกิดปัญหาไฟป่าบ่อยครั้ง

ที่ตั้ง : บ้านดอนจิก ต.บุ่งคล้า อ.บุ่งคล้า จ.บึงกาฬ

48.ผาหำหด

ผาชื่อฟังแล้วชวนให้อมยิ้มถือเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คทางธรรมชาติของจังหวัดชัยภูมิ เพราะเพียงแค่ชื่อก็สะกิดใจให้ใครต่อใครอยากมาสัมผัส ลักษณะของผาหำหดเป็นชะง่อนหินแคบๆ ความยาวประมาณสองเมตร ยื่นออกมาจากหน้าผา เมื่อไปยืนตรงนั้นจะดูน่าหวาดเสียวนั่นเอง

ผาหำหดอยู่ในอุทยานแห่งชาติไทรทอง มองจากหน้าผาจะเห็นผืนป่าและเทือกเขาอันสมบูรณ์ของชัยภูมิ รวมทั้งเห็นทั้งอำเภอหนองบัวแดง ภักดีชุมพล นักท่องเที่ยวสามารถกางเต็นท์พักแรมบนยอดภู ไม่ไกลจากหน้าผาได้

นอกจากผาหำหด อุทยานแห่งชาติไทรทองยังโด่งดังเรื่องทุ่งบัวสวรรค์หรือทุ่งดอกกระเจียว ที่จะบานสะพรั่งในฤดูฝนเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม เส้นทางเดินชมดอกไม้เป็นทางเดียวกับไปยังผาหำหด ใครมาเที่ยวช่วงนั้นถือว่ามาทีเดียวได้ชมความงามสองเด้งเลยล่ะ

ที่ตั้ง : .วังตะเฆ่ อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ

49.สวนสัตว์ธรรมชาติ ทุ่งกะมัง

จากอดีตป่าเสื่อมโทรมสู่ปัจจุบันเป็นแหล่งหากินของสัตว์เท้ากีบจำพวกเนื้อทราย เก้ง กวาง หลายร้อยตัว ทุ่งกะมัง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่แสดงให้เห็นว่ามนุษย์สามารถฟื้นคืนธรรมชาติ หากจัดการอย่างถูกต้องเหมาะสม

ที่นี่เป็นพื้นที่ทุ่งโล่งแลดูคล้ายแอ่งกะละมังกลางป่า เกิดจากการถางป่าทำการเกษตรของชาวบ้าน กระทั่งภายหลังมีการประกาศเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและอพยพผู้คนออกไป ป่าจึงเริ่มฟื้นตัว ต่อมาได้มีโครงการนำเนื้อทรายมาปล่อยให้หากินและแพร่พันธุ์ตามธรรมชาติ กลายเป็นจุดสนใจของนักท่องเที่ยวที่สามารถเข้ามาเยี่ยมชมและสัมผัสความน่ารักของพวกมันอย่างใกล้ชิด

การเที่ยวทุ่งกะมังแบบวันเดียว เราสามารถขับรถยนต์เข้าไปถึงพื้นที่ได้เลย สำหรับการค้างแรม เขตฯ มีบ้านพัก และลานกางเต็นท์ แต่ต้องติดต่อล่วงหน้าอย่างน้อย 10 วัน บางช่วงเวลาอาจต้องทำหนังสือขออนุญาตตามระเบียบสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่

การเดินทางต้องใช้รถยนต์เท่านั้น ไม่อนุญาตให้รถมอเตอร์ไซค์เข้า เพื่อความปลอดภัยจากสัตว์ป่า

ที่ตั้ง : เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว ต.คอนสาร อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ

50.เขาแผงม้า

เขาแผงม้าแห่งอำเภอวังน้ำเขียว นครราชสีมา เลื่องชื่อเรื่องการชมฝูงกระทิงตามธรรมชาติมานาน และหนึ่งในจุดชมกระทิงที่ดีที่สุดคือที่นี่ จุดสกัดเขาสูง หรือหน่วยพิทักษ์ย่อยของเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาแผงม้านั่นเอง

นอกจากมีหน้าที่เฝ้าติดตามและระวังฝูงกระทิง หน่วยฯ พัฒนาพื้นที่เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาศึกษาธรรมชาติ มีลานกางเต็นท์และห้องน้ำให้บริการ สามารถมาพักแรมโดยสะดวก พร้อมมีกล้องส่องทางไกลให้ผู้มาเยี่ยมชมใช้ชมกระทิงอีกด้วย การเดินทางไปยังจุดสกัดเขาสูงเป็นถนนลูกรัง นักท่องเที่ยวควรขับรถด้วยความระมัดระวัง

ที่ตั้ง : บ้านคลองทราย จ.วังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา